สรุปทริปฟุกุโอกะ มีนาคม 2559

วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นอีกครั้งครับ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของปีนี้เลยนะ แล้วก็ไปเที่ยวที่ๆ ผมไม่เคยไปมาก่อน.. ฟุกุโอกะครับ เนื่องจากผมไม่ต้องการหยุดนานมาก (งานรัดตัว) ประกอบกับว่าจริงๆ คืออยากไปช็อปปิ้งดูเฉยๆ แล้วก็จองได้ตั๋ว Jetstar ไปกลับแบบถูกมากๆ (หกพัน บวกอีกพันสองพันค่าโหลดกระเป๋าครับ) เลยจองเมื่อเดือนมกรา แล้วก็ไปเลยในเดือนนี้ครับ

ช่วงที่หาที่พักผมเองก็รู้สึกลำบากใจ (กลัวงบบานปลาย) เลยเลือกที่พักแบบ Hostel ครับ ก็เรียกได้ว่ายอมรับสภาพที่อาจต้องไปนอนรวมกับคนอื่นได้ พอดีเพื่อนที่ไปด้วยโอเคก็เลยลองจอง ปรากฎว่าได้ห้องรวมสองคนครับ พักที่ Fukuoka Hana Hostel ซึ่งเราสองคนประทับใจมากครับ เพราะอยู่ใกล้ที่ช็อปปิ้งมากเลย (จริงๆ คืออยู่กลางช็อปปิ้งอาเขตเก่าแก่ของที่นี่ ที่ชื่อว่า Kawabata 川端 เลยแหละ เปิดไปข้างๆ เป็นร้านร้อยเยน 0/) เดินอีกสองสามร้อยเมตรก็ถึง Maxvalu ที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง และอยู่ติดกับห้างดังของที่นี่คือ Canal City ครับ

สภาพตัวที่พักเองก็ถือว่าดีมาก เนื่องจากสภาพห้องก็มาตรฐานตามโรงแรม Business Hotel ของญี่ปุ่นทั่วไปครับ แต่ด้วยความเป็นโฮสเทลทำให้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเท่าไหร่ (ไม่มีผ้าเช็ดตัว พอดีผมเอาไปเองเลยไม่ต้องจ่ายเพิ่มผืนละ 100 เยน) แต่ก็มีห้องอาบน้ำอุ่น และห้องน้ำรวมก็ดีมากเลยครับ (เป็นห้องน้ำรวมที่สะอาดมากๆ และค่อนข้างใหม่ครับ สภาพเหมือนเราอยู่บ้านแล้วแชร์ห้องน้ำกับคนอื่นน่ะครับ)

วันแรก 11 มีนาคม 2558 สุวรรณภูมิ - สนามบินฟุกุโอกะ

  • นั่งเครื่องยี่ห้อ Jetstar ครับออกจากสุวรรณภูมิประมาณตีสองครับ ตอนเข้าไปก็ราวๆ ห้าทุ่มเที่ยงคืนครับ เช็คอินเสร็จผมก็ไปซื้อของ Duty Free แล้วก็ไปนั่งเล้าจ์คิงพาวเวอร์(ฟรี)ตามเคย ปรากฎเกือบไม่ทัน 555 วิ่งไปเคี้ยวไส้กรอกไปในสนามบิน (แต่จริงๆ ก็ทันแหละเพราะนั่งหน้าต้องขึ้นเครื่องเป็นคิวหลังๆ อยู่แล้ว)
  • เครื่องบินขาไปค่อนข้างเก่านิดหน่อย แต่นักบินขับได้นุ่มดีครับ ดีกว่าตอนเวียดนามแอร์ไลน์เยอะเลย (หรือตอนนั้นผมซวยเองก็ไม่รู้นะ)
  • ขึ้นเครื่องมาแอร์ก็เสริฟข้าวเลย (ผมซื้อข้าวไว้ตั้งแต่ตอนจองตั๋ว)  ซึ่งมันประหลาดมากเพราะตอนนั้นมันก็ราวๆ ตีสามตีสี่.. แต่ก็บอกเขาว่าขอเก็บไว้กินตอนหลังเขาก็โอเคแต่เขาบอกว่าอาจจะไม่ร้อนครับ
วันที่สอง 12 มีนาคม 2558 ฟุกุโอกะ - คุมะโมโต้ - ฟุกุโอกะ
  • มาถึงสนามบินฟุกุโอกะตอนประมาณเก้าโมงเช้าครับ ก็ไปซื้อตั๋ว JR Kyushu Rail Pass ตรงด้านหน้าทางออกของตรวจคนเข้าเมืองเลยครับ ผมซื้อแบบสามวัน (คือจริงๆ ใช้ไม่คุ้มมากหรอกเพราะไปแค่คุมะโมโต้ด้วยชินคันเซ็นแค่นี้ แต่มันก็ยังถูกกว่าซื้อตั๋วชินคันเซ็นเป็นเที่ยวละนะ)
  • นั่งรถ Shuttle Bus จาก International Terminal ไปลง Domestic Terminal ซึ่งมีสถานีรถไฟใต้ดินครับ เนื่องจากสอง Terminal นี้อยู่ห่างจากกันไกลเหมือนกัน เลยเลือกที่จะนั่งรถบัสไปลงรถไฟใต้ดินครับ รถบัสออกทุกสิบห้านาที ขาไปคนไม่เยอะแต่ระวังถ้าไฟลท์คนเยอะก็อาจจะเต็มได้นะครับ
  • ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินแบบวัน (ห้าร้อยกว่าเยน) นั่งรถไฟใต้ดินจากสนามบินไปลงที่สถานี Nakatsu-kawabata ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดของ Hostel ครับ (ทางออกจะอยู่ฟากหนึ่งของช็อปปิ้งอาเขต แต่โฮสเทลอยู่อีกฟากของช็อปปิ้งอาเขตครับ)
  • เช็คอิน Hostel แล้วฝากกระเป๋าครับ
  • เราลองเดินจาก Hostel ไปที่สถานีฮากาตะครับ พบว่าจริงๆ ก็ไม่ไกลมากครับ แต่ถ้าขนกระเป๋าหนักๆ มานั่งรถไฟจะดีกว่า
  • แวะกิน Starbucks ซึ่งช่วงนี้มีเมนูใหม่พอดี เป็น Freppe สตรอเบอรี่ผสมซากุระ 


  • จองตั๋วและนั่งชินคันเซ็นจาก ฮากาตะ (สถานีหลักของฟุกุโอกะ) ไปยัง คุมะโมโต้ครับ 
  • เที่ยวชมในสถานีคุมะโมโต้ครับ พอดีตอนที่ไปเขาฉลองชินคันเซ็นครบห้าปี ให้คุมะมง (มาสคอตประจำเมืองอันสุดโด่งดัง) เป็นนายสถานีพอดี 55
  • นั่งรถรางไปชมปราสาท คุมะโมโต้ครับ

  • ทานราเม็งที่แถวปราสาทคุมะโมโต้ครับ
  • เดินเล่นแถวนั้นแล้วนั่งรถรางกลับมาที่สถานีคุมะโมโต้ครับ
  • นั่งชินคันเซ็นกลับครับ
  • ตอนเย็นเราไปกินบุฟเฟต์ขาปูครับ ร้านชื่อ บิคุริคานิยะ びっくりかにや ราคาไม่แพง 2500 เยนเติมได้ไม่อั้นครับ 90 นาที ลักษณะจะเป็นชาบูครับ อร่อยและถูก แนะนำครับ (แต่ต้องจองนะ ผมฝากเพื่อนที่ญี่ปุ่นจองครับ)

  • กลับแถวที่พัก ซื้อขนมของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่ Maxvalu แถวนั้นครับ
วันที่สาม 13 มีนาคม 2559 ช็อปปิ้งในฟุกุโอกะ
  • ตื่นเช้า เราไปเดินเที่ยวย่าน เท็นจินครับ
  • มีห้างหลายห้างมากครับ ผมเดินไปซื้อดีวีดีที่ร้าน Mandarake ตามที่ตั้งใจครับ ร้านนี้ขายพวกเกม ดีวีดีมือสอง ฟิกเกอร์ต่างๆ
  • ไปกินราเม็ง Ippudo สาขาดั้งเดิม original ที่ย่านเท็นจินครับ ร้านจริงๆ อยู่ในตรอกเล็กๆ แทบไม่มีคนเลยครับ ส่วนใหญ่คนไปกินสาขาที่ใหญ่กว่าตรงถนนใหญ่กันครับ (คิวยาวด้วย) แต่ร้านค่อนข้างแคบ อารมณ์ร้านก๋วยเตี๋ยวเมืองไทย
  • เดินเล่นแถวนั้น กินเฟรปเป้ซากุระ
  • ช็อปปิ้งของฝากในชั้นใต้ดินห้าง Mitsukoshi ย่านเท็นจินครับ ได้ขนมของฝากมาเล็กน้อย
  • นั่งรถไฟกลับไปเก็บของที่ Hostel ครับ
  • เดินไปเดินเล่นที่ห้าง Canal City ครับ ผมไปเดิน Uniqlo, แวะร้านมูจิ, ร้านขนมลูกเจี๊ยบฮิโยโกะ
  • เดินไปสถานีฮากาตะครับ ไปถ่ายรูปกับไฟหน้าสถานีและตุ๊กตาโดเรมอนหน้าสถานีครับ
  • ช็อปปิ้งร้านร้อยเยน Can do ที่ห้าง Yodobashi ข้างๆ สถานีฮากาตะครับ
  • ช็อปปิ้งร้านไดโซะที่ด้านบนของ Hakata Bus Terminal ครับ จะบอกว่าร้านใหญ่มากๆ ใครไปแวะที่นี่น่าจะดีกว่าแวะร้านร้อยเยนที่อื่นครับ
  • นั่งรถไฟกลับมาที่ Hostel ครับ
  • ออกไปกินซูชิตอนเย็นที่ Sushi Zanmai ตอนห้าทุ่มครับ (ร้านนี่เปิด 17.00-05.00 น. ครับ เพราะแถวนั้นเป็นไนต์คลับ ถ้าใครกินไม่ทันที่อื่นมากินตรงนี้ก็ได้ครับ) 
  • กลับ Hostel นอนครีับ
วันที่สี่ 14 มีนาคม 2559 ฟุกุโอกะ - สุวรรณภูมิ
  • ตื่นเช้าเพราะไฟลท์ออกสิบโมง เราเลยเดินไปรถไฟใต้ดินกลับสนามบินตอนเจ็ดโมงครับ
  • เช็คอิน Jetstar คนเยอะ เสียเวลาพอควรครับ
  • ขึ้นเครื่องตอนสิบโมงตรงเวลา
  • ถึงไทยตอนบ่ายสองโมงครับ
ก็นับว่าเป็นทริปที่สั้นมากที่สุดที่เคยมาญี่ปุ่นครับ (อยู่โน่นจริงๆ ก็แค่สองวันน่ะแหละ) แต่ก็สนุกดีเพราะได้ซื้อของที่ต้องการจนครบครับ เนื่องจากผม List ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะซื้ออะไรจากที่ไหนครับ จริงๆ ก็จะเรียกว่าเป็นทริปช็อปปิ้งเสาร์อาทิตย์ก็ว่าได้ ก็นับว่าคุ้มค่าสำหรับราคาตั๋วที่ถูกมากๆ แบบนี้ครับ ไว้ว่างๆ อาจจะไปอีก 555

แนะนำวิธีการมาพบแพทย์ที่ รพ. รามาธิบดี (Update มี.ค. 2561)

บล็อกนี้ผมขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับวิธีการมาพบหมอที่โรงพยาบาลนะครับ (คือจะทำยังไงให้เราเจอกันได้อ่ะเนอะ 555) จากประสบการณ์ที่มักจะมีคนใกล้ตัวอยากจะมาพบหมอ มาตรวจที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็เลยขอแนะนำกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์นะครับ

ก่อนอื่น ขอแนะนำโรงพยาบาลก่อนนะครับ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย หรือเป็นโรงเรียนแพทย์ครับ ชื่อเต็มๆ คือ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นสถาบันผลิตแพทย์และให้บริการผู้ป่วยด้วย ดังนั้นก็จะมีบุคลากรต่างๆ มากมาย สำหรับผู้ป่วยแล้วการมาพบแพทย์ที่นี่ ก็อาจจะได้พบกับทั้งการตรวจกับนักศึกษาแพทย์ แพทย์ที่จบแล้วแต่กำลังศึกษาต่อเฉพาะทาง และอาจารย์แพทย์ครับ สำหรับใครที่ได้ตรวจกับนักศึกษาแพทย์ไม่ต้องกังวลนะครับ ทุกครั้งที่ต้องตรวจกับนักศึกษาแพทย์ จะมีอาจารย์มาตามตรวจให้ทุกครั้งครับ (เรียกได้ว่าละเอียดกว่าอีกเพราะมีสองคนตรวจให้ แต่อาจจะเสียเวลากว่านิดหน่อย)


สวัสดีปีใหม่ 2016, ลาก่อน 2015

ปีนี้อยากสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา บันทึกไว้เพื่อจดจำ

  • เป็นปีที่ไปญี่ปุ่นมากครั้งที่สุด เริ่มตั้งแต่ฉลองปีใหม่ที๋โยโกฮามา, ไปเล่นหิมะที่ฮอกไกโด, ไปดูซากุระบานที่มัตซึโมโต้, ไปเดินเล่นที๋โกเบ, และจบด้วยไปดูใบไม้แดงที่เกียวโต
  • รวมแล้วอยู่ที๋โน่น 4 + 8 + 6 + 4 + 10 = 32 วัน
  • ต้นปี ภาษาญี่ปุ่นแบบมือใหม่มาก อ่านไม่ออก ปลายปีสามารถคุยได้พอรู้เรื่อง อ่านได้คล่องขึ้น
  • ได้ไปอีกที่คือไปอบรมที่สิงคโปร์แบบไม่คาดฝัน 
  • รู้สึกว่าเที่ยวบ่อย แต่ก็รู้สึกว่าหลังจากไปเที่ยวแล้วจะมีแรงพัฒนาการทำงานด้วย
  • ตีพิมพ์เปเปอร์ได้ 1 อันและมีงานในมือรอ submit อีกหนึ่ง และมีงานวิจัยที่ดำเนินการอยู่ มีคนไข้พอสมควร
  • จัดการเรื่องคอนโดได้เสร็จ พออยู่ได้แล้ว มีเตียงมีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แต่เคยนอนจริงๆ แค่สองคืนตอนปลายปี
  • ออกกำลังกายมากขึ้น เพราะได้ใช้ฟิตเนสคอนโดออกกำลังด้วย
  • พัฒนางานสอนมากขึ้นหลังจากได้ไปอบรมงานสอน หวังว่าต่อไปจะมีแรงสอนต่อ
หวังว่าปีนี้และต่อๆ ไปจะมีโอกาสไปเที่ยวได้บ่อยๆ แบบนี้อีกนะ \0/

สรุปทริปคันไซ ธันวาคม 2558

ช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนคันไซอีกครั้งครับ (หลายครั้งแล้วนะปีนี้) คราวนี้ไปเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ อีกสามคนครับ เป็นครั้งที่ไปเยือนยาวอีกครั้งครับคือไปอยู่สิบวัน (แต่ใช้วันลาแค่สามวันเอง เย่ \0/ ) ไปที่เดิมคือลงเครื่องที่สนามบินคันไซ ครึ่งแรกใช้โอซาก้าเป็นที่ตั้งเที่ยวโอซาก้า โกเบ นารา แล้วย้ายไปเกียวโตเพื่อเที่ยวอีกครึ่งทริปที่เหลือ จึงกลับทางคันไซแบบเดิมครับ ขอสรุปไว้ก่อนนะครับ


เปิดกระเป๋ายาเวลาหมอไปเที่ยว เอาอะไรติดตัวไปบ้าง

ผมสังเกตว่าช่วงนี้มีหลายเว็บที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแนะนำในเรื่องของการพกยาไปเที่ยวว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง แต่คำแนะนำนั้นส่วนมากไม่รู้ว่ามีที่มามาจากไหน และก็ไม่รู้ว่าคนที่แนะนำเนี่ยเป็นบุคลากรทางการแพทย์จริงหรือเปล่า ผมเลยคิดว่าในฐานะที่ผมเองก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้คำแนะนำคนไข้มาประมาณนึงแล้วก็ชอบเที่ยวด้วย น่าจะเขียนไว้ว่าเวลาผมเที่ยวเองนั้นผมเตรียมยาอะไรบ้างครับ


โดยส่วนมากแล้วผมเองไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไรสลักสำคัญมากนัก ถ้าใครมีโรคที่แพทย์แนะนำให้เตรียมยาแล้วละก็อย่าลืมที่จะเตรียมยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำไปด้วยนะครับ โรคประจำตัวอย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน ถึงเราจะไปเที่ยวเราก็ควรจะควบคุมโรคที่เป็นอยู่ให้ดีนะครับ ตอนกลับถึงบ้านโรคจะได้ไม่กำเริบไปมากกว่าเดิมให้หมอที่ดูอยู่บ่นให้หูชา

ยาและเวชภัณฑ์ที่ผมเตรียมไปเรียงดังต่อไปนี้ครับ

(c) Copyright 2015 Pawin Numthavaj. Powered by Blogger.